รู้ก่อนศัลยกรรมเสริมจมูก ลดความเสี่ยงสุขภาพโทรม

ศัลยกรรม เสริมจมูก ปรับโครงหน้า ฯลฯ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นนั่นคือความกังวลว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปอย่างที่ต้องการหรือไม่ แน่นอนว่าก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับการทำศัลยกรรม โดยมากเกิดจากเหตุผลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น ความเจ็บป่วย ความไม่สมดุล ต้องการปรับเปลี่ยนลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากสรีระ รวมทั้ง เสริมความมั่นใจ สร้างความพึงพอใจในรูปร่างของตัวเองให้มากขึ้น ฯลฯ ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม การทำศัลยกรรม ก็เข้ามามีบทบาทในการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น มีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น 

การทำศัลยกรรม เสริมจมูก เสริมหน้าผาก ดึงหน้าหรือปรับลดบางส่วนให้สรีระ ปัจจุบันไม่มีข้อจำกัดทางเพศ ไม่ว่าจะเพศไหนก็สามารถเข้ารับการทำศัลยกรรมได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องปิดกั้นหรือเขอะเขินอีกต่อไป สังคมปัจจุบันก็เปิดกว้างและยอมรับการทำศัลยกรรมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากนับเป็นการดูแลตัวเองอย่างหนึ่งให้ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและมีความสุข 

“เรามักมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อมีสุขภาพใจแข็งแรง สุขภาพกายดี ส่งผลให้บุคลิกภาพดีขึ้น ด้วยความมั่นใจเหล่านี้จึงมักส่งผลให้มีความสุข และประสบความสำเร็จมากขึ้น” 

อย่างไรก็ตาม การทำศัลยกรรมก็มีความเสี่ยงต่อความวิตกกังวลไม่ว่าจะทางกายภาพและทางใจ เนื่องจากบางคนอาจรู้สึกไม่พอใจ ไม่มั่นใจ ระหว่างการฟื้นตัวหลังจากทำศัลยกรรม  เช่น 

ผู้เข้ารับการเสริมจมูกบางท่าน อาจวิตกกังวลกับรูปทรงมากเกินไป กลัวว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ไม่สวยสมส่วนเข้ากับใบหน้าโดยเฉพาะเมื่อเจอผู้อื่นทักว่าไม่สวย ไม่ดี หรือมีปัญหาตรงนั้น ตรงนี้ แน่นอนว่า ก่อนเข้ารับการเสริมจมูก แพทย์จะแนะนำว่า การที่จมูกจะสวยเข้ารูปอย่างที่ต้องการนั้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 -12 เดือน (ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ทำ)  ระหว่างนั้น จะค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลง ในบางราย จมูกอาจพุ่งเกินไป จมูกอาจจะยังบวม (ยังไม่รัดแกน)  เนื่องจากเนื้อเยื่อยังไม่สมานกัน ในช่วงแรก แพทย์จะทำโครงสร้างไว้สำหรับการยุบตัวเข้าที่ ฯลฯ แต่ก็จะดีขึ้นเมื่อแผลสมานตัว

หลังการเสริมจมูก กี่เดือนเข้าที่
  • 60 % ใน 4-6 เดือน โครงสร้างภายในและภายนอกจะยุบบวม  
  • 80 % ใน 8 เดือน เริ่มเห็นรูปจมูกชัดมากขึ้น
  • 100 % ใน 1 ปี ทรงจมูกเข้าที่ โครงสร้างยุบบวมทั้งหมด ทรงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

หากคุณกังวล และกังวลใจกับคำติเหล่านั้น ก็ส่งผลให้เกิดความเครียดและมีผลต่อสุขภาพจิตได้เช่นกัน

โดยเฉพาะกับผู้ที่เข้ารับการทำศัลยกรรมในหลายส่วน ปรับโครงหน้าพร้อมกันทั้งใบหน้า อาจมีความกังวลมากเป็นพิเศษ​ ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ หรือควรขอคำแนะนำปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ 

การทำศัลยกรรมมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การได้รับบาดเจ็บในบริเวณใกล้เคียง หน้าบวมช้ำ ฟื้นตัวช้า ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ในบางคนอาจไม่ได้รับผลข้างเคียง หรือแทบไม่บวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้นนาน 

ด้วยเหตุผลนี้แพทย์ผู้ผ่าตัดจึงมักให้ตรวจสุขภาพโดยละเอียดก่อนเข้ารับการทำศัลยกรรม โดยเฉพาะการดูแลรักษาที่ต้องดมยาสลบ

อาการที่พบบ่อยหลังเสริมจมูก open

ศัลยกรรมเสริมจมูกในปัจจุบันมีหลายเทคนิคขึ้น ทั้งการเสริมจมูกแบบปิด (closed rhinoplasty) และ การเสริมจมูกแบบเปิด (open rhinoplasty) อยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ผู้ผ่าตัด โดยทั้งสองรูปแบบนี้จะมีขั้นตอนที่แตกต่างกัน ในกรณีที่เป็นเสริมจมูกแบบเปิด จะเป็นการเปิดแผลให้มองเห็นโครงสร้างของจมูกได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างจมูก ผนังกั้นจมูก กระดูกอ่อนจมูกรวมทั้งปลายจมูก วิธีนี้จึงได้รับความนิยมเนื่องจากสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและได้รูปทรงสวยงาม โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาจมูกเบี้ยว มีฮัมพ์ หรือปัญหาอื่นๆ จากโครงสร้างเดิมนั่นเอง

เสริมจมูกแบบโอเพ่น เหมาะกับใคร 

เสริมจมูก open เหมาะกับใคร
  • ต้องการเสริมปลายจมูกให้พุ่งสวย กรณีที่มีเนื้อจมูกน้อย 
  • ต้องการสันจมูกเรียวสวย ปรับแต่งฮัมพ์ (โดยเฉพาะผู้ชาย) 
  • ต้องการปรับทรงจมูก แก้ปัญหาปลายจมูกหนาเกินไม่รับกับใบหน้า 
  • ต้องการปรับจมูกให้เป็นทรงสวย ละมุนโน้ส เปลี่ยนเป็น จมูกทรงตุรกี หรือ จมูกทรงเกาหลี (หยดน้ำ) 
  • ต้องการแก้ปัญหารูจมูกไม่สมส่วน เอียง เบี้ยว หายใจไม่สะดวก

ข้อดีของการเสริมจมูกโอเพ่น (open rhinoplasty)

  • ลดความเสี่ยงเนื้อทะลุ 
  • แก้ปัญหาตรงจุด
  • ปรับทรงได้ตามต้องการ ทั้ง ทรงตุรกี ทรงเกาหลี (หยดน้ำ) (ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ร่วมกับความต้องการของผู้เข้ารับการดูแล)
  • กรณีที่พบปัญหาของโครงสร้างจมูก สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับโครงสร้างแก่ผู้มีปัญหาด้านสุขภาพหรืออุบัติเหตุ จากโครงสร้างจมูกบิดเบี้ยว จมูกคด วาล์วจมูกตีบ ฯลฯ

การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (open rhinoplasty) นับเป็นการทำศัลยกรรมที่ผู้เข้ารับการดูแลต้องให้ยาสลบและยังใช้เวลาในการผ่าตัดพอสมควร (ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล) หลังจากเสริมจมูก open แล้ว อาจเกิดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลติดเชื้อ อักเสบจากการที่จมูกได้รับการกระทบกระทั่งโดยไม่ตั้งใจ เลือดออกหรือคันบริเวณแผลผ่าตัด ปวด บวม ตึงบริเวณจมูก นอกจากนี้ยังต้องพักรักษาตัวเพื่อให้จมูกเข้าที่ ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในด้านการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีด้วยเช่นเดียวกัน  

วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก open ให้ทรงสวย

การสัมผัสหรือกระทบกระแทกอาจทำให้ติดเชื้อหรืออักเสบได้ ความผิดพลาดต่างๆ จากการใช้ชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม การมีเพศสัมพันธ์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้จมูกอักเสบ ทรงไม่สวย จมูกติดเชื้อและปัญหาอื่นๆ ตามมา ดังนั้นควรดูแลตัวเองให้ดีหลังจากการเสริมจมูก open

  1. หากปวดศรีษะ ปวดจมูก ใน 24 ชั่วโมง ทานยาแก้ปวดร่วมกับทานยาที่แพทย์สั่งให้ครบตามกำหนด
  2. ประคบเย็นในช่วง 1-2 วัน หลังจากเข้ารับการเสริมจมูกเพื่อลดการบวมและประคบอุ่นในช่วง 4-5 วัน เพื่อลดรอยช้ำ
  3. นอนหงายและหนุนหมอนสูง อาจใช้หมอนรองคอร่วมด้วยเพื่อลดการกระทบกระทั่งขณะนอนหลับโดยไม่ตั้งใจ 
  4. งดการออกกำลังกายหรือทุกกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายสั่นสะเทือนไปถึงจมูกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น วิ่ง กระโดด ว่ายน้ำ การมีเพศสัมพันธ์ (internal link บทความ 2) 
  5. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นละออง ควันหรือบริเวณที่มีความเสี่ยงให้จามหรือไอ 
  6. งดอาหารแสลง ของหมักดอง ชาบู หมูกะทะ ปิ้งย่าง อาหารรสจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ 
  7. งดสวมแว่นตา (หากมีปัญหาด้านสายตาควรปรึกษาแพทย์ถึงระยะเวลาการสวมแว่นตาอีกครั้ง) 
  8. ระมัดระวังกรณีที่มีน้ำมูก (หากมีปัญหาด้านสุขภาพ เช่นภูมิแพ้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อรับคำแนะนำ)

S45 Clinic ใส่ใจทุกเคสโดยแพทย์จะให้คำแนะนำออกแบบรูปทรงจมูกอย่างเหมาะสมแต่ละบุคคล คัดสรรทุกเครื่องมือและอุปกรณ์ แพทย์มีประสบการณ์ในการดูแลและปรับรูปทรงอย่างน่าพึงพอใจและได้รับการบอกต่ออย่างล้มหลาม