เรตินอล (Retinol) ใช้แทนการยกกระชับหน้าได้หรือไม่

เรตินอล

เรตินอล (Retinol) ตัวยาที่กำลังได้รับความนิยมเรียกว่า เป็นกระแสในโซเชียลมีเดียที่ใช้เพื่อปรับผิวหน้าให้สว่าง ลดริ้วรอย ร่องลึก ยกกระชับใบหน้า ฯลฯ

หลายคนคงมีคำถามว่าจริงๆ แล้วเรตินอลมีคุณสมบัติอะไร บทความนี้ S45 Clinic มีคำตอบ

เรตินอล คืออะไร

เรตินอล (Retinol) หรือวิตามินเอบริสุทธิ์ จัดอยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งเราก็จะพบสารนี้ได้ในผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลดเลือนริ้วรอยหรือ Anti-Aging แน่นอนว่ามีการวิจัยและทดสอบแล้วว่า สามารถทำได้จริง และนอกจากนี้เรตินอลยังเข้าไปกระตุ้นการผลิตสารไฮยาลูรอนิคในร่างกายทำให้ผิวอิ่มน้ำและกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจนในชั้นผิวและลดการอุดตันในรูขุมขนจึงทำให้ลดการเกิดใหม่ของสิวและยังลดเลือนจุดด่างดำได้อีกด้วย

เรตินอลเป็นส่วนผสมหนึ่งในสกินแคร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย และมีหลายระดับความเข้มก่อนซื้อควรศึกษาและเลือกเพื่อให้เหมาะกับผิวของเรา ไม่อย่างนั้นแทนที่จะเกิดประโยชน์อาจเกิดโทษได้เหมือนกัน

ความสำคัญของเรตินอล

ชั้นผิวของเรามีการแบ่งตัว โดยชั้นผิวแต่ละชั้นก็จะมีการผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วลอกหลุดออกไป บางคนก็จะผลัดเซลล์ทุก 28 วัน บางคนจะผลัดเซลล์ทุก 40 วัน การผลัดเซลล์นี้ก็เป็นการกระตุ้นสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้แข็งแรงขึ้น และแน่นอนว่า ชั้นผิวที่ตายไปแล้วหลุดออกไปก็จะเผยชั้นผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม

เมื่อวัยที่มากขึ้นการผลัดเซลล์ก็จะทำได้ช้าลง ในชีวิตประจำวันเราต้องเผชิญกับมลพิษ ความเครียด แสงแดด รังสี UV ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ผิวแก่ เหี่ยวเกิดรอยร่องลึกและคามหมองคล้ำ หากไม่ดูแลก็จะทำให้เซลล์ผิวตายและไม่ยอมผลัดเซลล์ ในบางรายก็จะเกิดฝ้ากระ จุดด่างดำ

เคล็ดลับใช้เรตินอลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

  • แนะนำให้ใช้ในเวลากลางคืน หรือก่อนนอน
  • เริ่มใช้เพียงไม่กี่วันและปริมาณเล็กน้อย หลังจากนั้นค่อยปรับขยับเป็นการใช้ปริมาณเท่าเม็ดถั่วและค่อยๆ เพิ่มจำนวนวันใช้ จนสามารถใช้ได้ทุกคืน โดยการขยับแบบนี้เป็นการปรับชั้นผิวให้ตื่นตัวด้วยเช่นกัน
  • หลังจากลงเรตินอลแล้ว ควรทามอยซ์เจอไรเซอร์ทุกครั้งเพื่อให้ผิวแข็งแรง
  • ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้ในวันที่ไม่โดนแดด และทาซ้ำเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้งทุก 2 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการใช้เรตินอลกับส่วนผสมเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองผิว

จากงานวิจัยศึกษาของ Journal of Investigative Dermatology พบว่าเรตินอลมีส่วนช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องและถูกวิธี

ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาความหย่อนคล้อย หน้าไม่กระชับ คงรอไม่ไหวเลยทีเดียวและแน่นอนว่า แม้ประสิทธิภาพของเรตินอลจะช่วยลดเลือนริ้วรอยได้แต่ไม่สามารถกระชับผิวให้กลับมาเต่งตึงได้อย่างแน่นอน ทำได้เพียงให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดรอยตื้นที่เพิ่งเกิดขึ้นได้

หัตถการสำหรับผู้มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับก็ต้องพึ่งหัตถการเหล่านี้แล้วล่ะ

  • โปรแกรมโบทอกซ์ (Botox) ช่วยลดริ้วรอย กรอบหน้าชัด
  • เมโสแฟต (Mesofat) กำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะบริเวณบนใบหน้า
  • สารเติมเต็ม (Hyaluronic Acid) ปรับรูปหน้าให้อิ่มเต็ม ร่องลึกร่องแก้ม
  • เทอร์มาจ (Thermal) ลดริ้วรอย กระชับใบหน้า เหมาะกับผู้ที่มีไขมันหนา
  • อัลเทอร่า (Ulthera) ลดความหย่อนคล้อย กระชับผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันน้อย

ดูแลตัวเองก่อนจะก้าวเข้าสู่วันที่การแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยลำบาก ปรับและฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรง เริ่มได้ตั้งแต่วัย 20 ต้นๆ และดูแลอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เมื่อสูงวัยมากขึ้นการฟื้นฟูก็จะง่ายขึ้นและความเสื่อมโทรมของชั้นผิวก็ลดลง แม้เราจะไม่สามารถยับยั้งความชราได้อย่างเห็นผล แต่เราสามารถชะลอความชราได้ด้วยการดูแลตัวเอง

S45 Clinic เรื่องความสวยรอไม่ได้ ท่านสามารถปรึกษาทีมแพทย์มากประสบการณ์ดูแลผิวพรรณ ยกกระชับ ปรับรูปหน้าในแบบที่คุณมั่นใจ ได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรตินอล

เรตินอลมีข้อห้ามคือ ห้ามใช้คู่กับสาร เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ เพราะจะไปลดประสิทธิภาพของตัวยา และไปเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวหนังระคายเคืองมากขึ้นได้

สามารถใช้เรตินอลบำรุงผิวพรรณได้ โดยแนะนำให้ใช้บำรุงผิวในเวลากลางคืน หรือช่วงที่ไม่มีแสงแดด หลังจากล้างหน้าเรียบร้อยแล้ว และผิวหน้าแห้งสนิท โดยทาก่อนลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ผิว

สามารถใช้ได้ทุกวัน หากผู้ที่ไม่เคยใช้หรือในช่วงแรก แนะนำให้ใช้ในปริมาณที่น้อย หรือใช้สัปดาห์ละ 2-3 วัน แล้วจึงเพิ่มจำนวนความถี่เป็นวันเว้นวัน ให้ผิวปรับสภาพจนคุ้นชินแล้วจึงสามารถใช้ได้ทุกวัน