เสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน vs โปรแกรมฟิลเลอร์
การเสริมหน้าผาก ทำหน้าผาก เป็นอีกหนึ่งศัลยกรรมที่กำลังนิยม ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูอิ่ม ละมุนมากขึ้น เพราะ การมีหน้าผากสวยโค้งรับเข้ากับใบหน้าช่วยเพิ่มความสมดุลทั้ง จมูก ปากและคาง
ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน มีการใช้เทคนิคเสริมหน้าผาก 2 วิธีหลัก คือ แบบซิลิโคน ทั้งแบบสำเร็จรูปและซิลิโคนส่งหล่อ ออกแบบเฉพาะบุคคล (4D CT FIT) อีกแบบคือ การใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ ซึ่งการทำหน้าผากไม่ว่าจะเป็นเทคนิคใด เพื่อปรับรูปทรงหน้าผากหรือแก้ปัญหาหน้าผากแบน ไม่มีมิติ มีร่องลึก หน้าผากแคบ หน้าผากกว้าง หน้าผากกล่น เป็นต้น
จึงเกิดคำถามว่า เราควรใช้เทคนิคไหน และแต่ละเทคนิคต่างกันอย่างไร เพื่อให้สวยตามต้องการและเหมาะสมกับตัวเรา
ความแตกต่างระหว่างเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนและเสริมหน้าผากด้วยฟิลเลอร์
เสริมหน้าผากด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์ (Filler Program)
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มชนิดไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) วิธีนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยทั่วไปแล้ว การเติมเต็มในบริเวณอื่นๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม หรือ ใต้ตา จะใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 ซีซี แต่สำหรับหน้าผากอาจจะใช้ 3-5 ซีซีหรือมากกว่านั้น (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์)
การเลือกใช้วิธีนี้จะช่วยแก้ไขร่องลึก ดูเต่งตึงและผิวดูชุ่มชื้นมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาและรูปทรงของผู้เข้ารับบริการด้วย หากต้องการเพิ่มความโหนกนูนจากเดิม ก็ต้องใช้ปริมาณมากขึ้น แต่หากไม่ได้รูปทรงตามต้องการ สามารถทำการสลายสารเติมเต็มได้
การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผาก หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือ โปรแกรมฟิลเลอร์ไม่ผ่านอย. อาจทำให้สารเติมเต็มห้อย ย้อย ไม่ได้รูป ผิวเป็นคลื่นและเสี่ยงต่อประสาทสัมผัสการมองเห็นได้ ซึ่งนั่นอาจทำให้พลาดไปโดยเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อบริเวณอื่นๆ
ข้อดีของการเสริมหน้าผากด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์
- เจ็บน้อย ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นไม่นาน
- เลือกระดับความโหนกนูนได้
- ทำง่าย สะดวก
- สามารถแก้ไขริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอยแตกต่างๆ ได้
ข้อเสียของการเสริมหน้าผากด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์
- ราคาสูง ต้องใช้ปริมาณเยอะ
- สารอาจไหลลงตามแรงโน้มถ่วง และทำให้ผิวไม่เรียบ ผิวขรุขระแก้ไขได้ยาก
- ต้องหมั่นคอยเติมโปรแกรมฟิลเลอร์อยู่บ่อยๆ
- มีโอกาสเกิดผลกระทบต่อระบบเส้นประสาทได้
- หากฉีดเยอะ เวลากดลงแล้วผิวอาจจะบุ๋มได้
- ถ้าเติมโปรแกรมฟิลเลอร์ไม่ถูกวิธี หรือเติมซ้ำหลายๆ ครั้ง มีโอกาสหน้าผากจะเป็นคลื่นได้
เสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบหล่อเฉพาะบุคคล (4D CT Fit)
เทคนิคนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมกันมาก จะได้ความเรียบเนียน ละมุนไปกับโครงหน้า โดยเฉพาะเทคนิคการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน 4D CT Fit ที่ใช้ภาพ 3D ด้วยการทำ CT SCAN รอบด้าน จึงมีความละเอียดและรับกับใบหน้า ปรับระดับความโหนกนูนตามความพึงพอใจของผู้เข้ารับบริการและความเห็นของแพทย์ นอกจากนี้การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนยังยาวนาน ไม่ต้องแก้ไขซ้ำๆ
เสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
- ซิลิโคนสำเร็จรูป (S Nature) มีขนาดให้เลือก 3 ระดับ S M L ตามขนาดความนูน
- เสริมหน้าผากซิลิโคนเฉพาะบุคคล : 4D CT FIT ใช้วัสดุ Implant Grade สั่งทำจากประเทศเกาหลีเฉพาะบุคคล ด้วยภาพ 3D จาก CT Scan และความเห็นชอบของแพทย์ ซิลิโคนเรียบเนียน ขอบบางใส่แล้วไม่เห็นขอบ
- เสริมหน้าผากซิลิโคนเฉพาะบุคคล : Casting Mold ใช้วัสดุ Implant Grade ด้วยการจัดส่งแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ไปยังประเทศเกาหลี เพื่อผลิตซิลิโคนเฉพาะบุคคล
ข้อดีของการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
- เลือกระดับความโหนกนูนได้
- ผิวเรียบเนียน ไม่เป็นคลื่น
- ไม่ต้องแก้ซ้ำ หากพอใจในผลลัพธ์แล้ว
- ออกแบบเฉพาะบุคคล ทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด
- ซิลิโคนอยู่ใต้เยื่อหุ้มกระดูก ล็อกแน่น ไม่เคลื่อนที่
- ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากให้เรียบเนียน
- แผลเล็ก ด้วยเทคนิคซ่อนแผล
- ไม่ต้องโกนผม ไม่เสียผมส่วนไหน
- มีอัตราการแพ้ซิลิโคนน้อยมาก
ข้อเสียของการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
- หากแพทย์ประสบการณ์น้อยมีโอกาสกระทบต่อเนื้อเยื่อและเส้นประสาท
- ใช้เวลาพักฟื้นนาน มีอาการบวม 1-3 เดือน
- หากต้องการเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ จะต้องผ่าตัดใหม่อีกครั้ง
- หากหน้าผากโหนกนูนเกินไป ใบหน้าจะดูไม่สมดุล
- ในอนาคตอาจจะเห็นขอบซิลิโคนได้ในคนที่ผิวบาง
- อาจมีการบวมช้ำหลังผ่าตัดได้
เสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน | การเสริมหน้าผากด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์ |
---|---|
อยู่ได้ค่อนข้างถาวร | โดยปกติโปรแกรมฟิลเลอร์ หากฉีดแล้วอยู่ได้นาน 1 ปี (ของแท้) |
ต้องผ่าตัด เปิดแผลบริเวณศีรษะ | เติมเต็มโดยสารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) และฉีดบริเวณใต้เยื่อหุ้มกระดูก |
ซิลิโคนไม่เคลื่อน ซิลิโคนอยู่ใต้เยื่อหุ้มกระดูก หน้าผากจึงไม่เปลี่ยนรูปแม้น้ำหนักขึ้นหรือลดลง | เห็นผลลัพธ์หลังทำอยู่ที่ 7-14 วัน |
สามารถลดริ้วรอยเล็กๆได้ | ไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังจากเข้ารับการฉีด หน้าผากบวม 7-14 วัน |
เลือกระดับความโหนกนูนของหน้าผากได้ | ดูละมุนมากกว่าการเสริมซิลิโคน |
หากต้องการแก้ไขต้องผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ | หากต้องการแก้ไข สามารถฉีดสลายได้ |
ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ | หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงหลังทำ 1-2 สัปดาห์ |
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการเสริมหน้าผากด้วยวิธีไหน การเลือกสถานความงาม คลินิกความงาม ที่ให้บริการด้านศัลยกรรม ควรไตร่ตรองจากประสบการณ์ของแพทย์ มาตรฐานของสถานพยาบาล การติดตามผลหลังเข้ารับบริการ จนถึงการให้คำแนะนำปรึกษาโดยละเอียด ทั้งนี้เพื่อผู้เข้ารับบริการ
S45Clinic มั่นใจทุกการให้บริการที่ผู้เข้ารับบริการบอกต่อมากมาย ประสบการณ์จากทีมแพทย์ให้การดูแลด้านการเสริมหน้าผากซิลิโคน ใส่ใจความทุกรายละเอียด หากมีการใช้ยาสลบขณะผ่าตัด ดูแลวิสัญญีแพทย์ 1:1 หน้าผากสวย โหนกนูน ไม่ทิ้งรอยแผล